‘ภาพยนตร์ A Muse’ ทางเลือกที่ไม่ง่ายสำหรับจุดเริ่มต้นของนักแสดงหญิงวัยยี่สิบของคิมโกอึน

Kim Go Eun Thailand Fan Club
3 min readApr 22, 2020

--

แปลจากบทสัมภาษณ์พิเศษของคิมโกอึนจากภาพยนตร์ Monster และระหว่างถ่ายทำภาพยนตร์ Memories of the Sword (28 มกราคม ปี 2014)

에스콰이어 코리아

“ฉันอยากให้คนจดจำฉันในฐานะนักแสดงที่ดีคนหนึ่ง”

ถ้าจะพูดถึงเรื่องอาชีพการแสดงของเธอ แน่นอนว่าชื่อของ คิมโกอึน ได้กลายเป็นความสำเร็จชั่วข้ามคืนในฐานะนักแสดงหญิงดาวรุ่งหน้าใหม่ คิมโกอึนได้รับรางวัลภาพยนตร์เกือบทั้งหมดในเกาหลีด้วยบทบาทของเธอใน “ภาพยนตร์ A Muse ปี 2012” กำกับภาพยนตร์โดยจองจีอู (ภาพยนตร์ Modern Boy ปี 2008, Happy End ปี 1999) สิ่งที่น่าแปลกใจคือการที่เธอไม่เคยมีประสบการณ์ในภาพยนตร์เรื่องใดมาก่อนเลย ก่อนที่จะมาแสดงใน “A Muse” แต่ประสิทธิภาพการแสดงของเธอในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ทำให้เธอกลายเป็นนักแสดงหญิงแนวหน้าของวงการภาพยนตร์เกาหลีในอนาคต

ยิ่งเป็นที่น่าสนใจเมื่อเราได้ย้อนกลับไปดูว่าเธอได้ทำผลงานอะไรเมื่อปีที่ผ่านมา เธอได้รับบทนำกับอีมินกิในผลงานกำกับเรื่องที่สองของผู้กำกับฮวางอินโฮในภาพยนตร์ Monster ต่อจากผลงานกำกับ Spellbound ปี 2011 อีกผลงานล่าสุดคือ Memories of the Sword เธอได้ร่วมแสดงกับดาราที่มีชื่อเสียงที่สุดในเกาหลีในขณะนั้น คือ อีบยองฮุน และจอนโดยอน ในภาพยนตร์ Memories of the Sword กำกับโดยพัคฮึงซิค (I Wish I Had a Wife ปี 2001, My Mother, the Mermaid ปี 2004)

“ฉันรู้สึกดีค่ะที่ได้ยินการพูดถึงการเติบโตขึ้นของชื่อเสียงของฉัน แต่เนื่องจากฉันไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในฐานะดาราทีวี จึงไม่ส่งผลกระทบต่อไลฟสไตล์ของฉันมากนัก ไม่ค่อยมีใครจำฉันได้เมื่ออยู่บนท้องถนนค่ะ อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงหลังจากภาพยนตร์ “A Muse” คือได้รับบทดีๆจากผู้กำกับและนักเขียนชื่อดัง มีโอกาสมากขึ้นในอาชีพการแสดง และรู้สึกขอบคุณมากๆ สำหรับสิ่งนี้”

แม้ว่าเธอจะรู้สึกขอบคุณที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ “A Muse” แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่ทางเลือกที่ง่ายเลยสำหรับนักแสดงหญิงวัยยี่สิบต้น คิมโกอึนได้ตัดสินใจมุ่งไปที่อาชีพการแสดงของเธอตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย เธอได้ถูกเสนอบทอึนกโย ภาพยนตร์ A Muse ผลงานใหม่ของจองจิอูตอนที่เธอกำลังเรียนการแสดงที่ Korea National University of Arts จองจิอูเป็นหนึ่งในผู้กำกับที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของเกาหลี ซึ่งกำลังเฟ้นหาคนที่จะมารับบทนำในภาพยนตร์ใหม่ของเขาที่สร้างจากนวนิยายของนักประพันธ์พัคบอมชิน

พัคแฮอิล (The Host ปี 2006, War of the Arrows ปี 2011) นักแสดงชายที่ได้รับเลือกให้มารับบทนำกับเธอ แทบจะไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธบทนี้ ยกเว้นแต่ว่าในภาพยนตร์เรื่องนี้มีฉากที่ต้องเปลือยกายทั้งหมด ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเสี่ยงเพราะ “A Muse” กำลังจะกลายเป็นผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอ อาจทำให้เกิดความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องของผู้ชม และอาจต้องทำให้เธอถูกตราว่า “เปลือยกายตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่องแรกที่เปิดตัว” ไปตลอดชีวิตการแสดงของเธอ

“ตอนได้รับบทมา ผู้กำกับจองจิอูบอกว่าควรใช้เวลาให้มากพอและตัดสินใจอย่างรอบคอบ เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่แย่ที่สุดในอาชีพของฉัน ฉันเริ่มไม่แน่ใจว่าควรจะแสดงในภาพยนตร์นี้ดีไหม แต่คุณพ่อก็ได้ให้คำแนะนำที่สำคัญ ฉันบอกกับครอบครัวเสมอว่าฉันไม่ต้องการเป็นนักแสดงที่สวยหรือนักแสดงที่เป็นที่นิยม แต่สิ่งที่ฉันต้องการคือการเป็นนักแสดงที่ดีคนหนึ่ง คนที่ไม่เปิดเผยชีวิตส่วนตัวแต่ก็ยังสามารถมองเห็นได้เสมอในภาพยนตร์ คุณพ่อต้องการให้ฉันเริ่มต้นทำงานในซีรีส์ทางทีวีหรือภาพยนตร์แนว coming-of-age แบบน่ารักๆด้วยบทที่สดใสมีเสน่ห์ คุณพ่อไม่ได้พูดถึงเรื่อง A Muse มากนักในตอนที่ฉันกำลังพิจารณาบทอยู่ เขาแค่บอกฉันว่า เมื่อตัดสินใจแล้วจะไม่สามารถย้อนกลับไปในที่ที่ครั้งหนึ่งเคยได้แสดง A Muse ได้อีก เป็นการยินยอมโดยปริยายของเขาที่จะให้แสดงในภาพยนตร์ และนั่นคือตอนที่ฉันรู้แล้วว่าฉันต้องท้าทายมันด้วย “การทำอย่างสุดชีวิต Do-or-die และฉันก็ตั้งใจที่จะทำอย่างนั้น”

“จอนโดยอน นักแสดงต้นแบบของคิมโกอึน และความเหมือนกันที่พิเศษ”

คิมโกอึน และจอนโดยอนมีความเกี่ยวข้องที่พิเศษ ย้อนกลับไปในปี 1999 จอนโดยอนได้รับบทในภาพยนตร์ Happy End ของผู้กำกับจองจิอู และมีผลงานที่โดดเด่น การแสดงโดยรวมของเธอในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการยกย่องจากนักวิจารณ์ และผู้ชมเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามยังมีอีกหลายข่าวอื้อฉาว ข่าวลือจากสื่อที่ตีสีใส่ไข่จากฉากทางเพศของเธอในภาพยนตร์ ผลที่ตามมาคือจอนโดยอนต้องทุกข์จากอาการ Nervous Breakdown เครียด และวิตกกังวลสะสม และเมื่อเธอได้เห็นการแสดงของคิมโกอึนใน A Muse จอนโดยอนได้นึกถึงตัวเองในภาพยนตร์ Happy End

“จอนโดยอนเป็นนักแสดงหญิงที่ดีเยี่ยมเต็มไปด้วยความหลงใหลในการแสดง และภาพยนตร์ เป็นแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ให้กับเหล่านักแสดงทั้งชายและหญิง ครั้งหนึ่งเธอเคยบอกฉันว่าเธอกังวลว่าตัวฉันอาจได้รับผลกระทบที่ไม่ดีหรือเจ็บปวดเพราะความสนใจที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากประชาชนและสื่อ แต่แล้วก็โล่งใจเมื่อเธอพบว่าฉันจัดการกับมันได้ค่อนข้างดี เธอยังบอกว่าเธอชอบฉันเพราะว่าฉันดูเป็นคนที่ดื้อรั้น ไม่ยอมใครง่ายๆค่ะ”

​นอกจากนี้คิมโกอึนยังได้แสดงบทนำ “บ๊คซุน” ในภาพยนตร์แนวสยองขวัญที่กำลังจะออกฉายเรื่อง Monster ซึ่งก่อนหน้านี้บทนี้ได้ถูกเสนอไปที่จอนโดยอน แต่ปฏิเสธบทนี้ไปเนื่องด้วยปัญหาเรื่องตารางเวลาการถ่ายทำระหว่าง Monster และ Way Back Home ปี 2013 ผลงานภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเธอ ด้วยเนื้อเรื่องที่น่าสนใจมากๆ จอนโดยอนได้แต่สงสัยว่าใครจะได้เป็นเจ้าของบทบ๊คซุน และบทนี้ก็ตกไปอยู่ที่คิมโกอึน

“ฉันไม่เคยเห็นตัวละครที่มีเอกลักษณ์เช่นบ๊คซุนในภาพยนตร์เกาหลีมาก่อน Monster เป็นเรื่องราวของการแก้แค้นของบ๊คซุน เกี่ยวกับฆาตกรต่อเนื่องที่ไร้มนุษยธรรมซึ่งได้คร่าชีวิตน้องสาวคนเดียวของเธอไป บ๊คซุนมีความผิดปกติทางจิต เธอค่อนข้างพูดเยอะมากในลักษณะที่เกินความจริงราวกับว่าเธอเป็นตัวการ์ตูนในเรื่อง Slam Dunk ค่ะ มันสำคัญมากที่จะทำให้เสียงสอดคล้องกันในการแสดง และตัวบทสนทนา”

ภาพยนตร์ Monster

​ตอนนี้คิมโกอึนอยู่ในช่วงกลางของการถ่ายทำภาพยนตร์ Memories of the Sword ในส่วนหนึ่งของภาพยนตร์นี้ทำให้รู้สึกเหมือนฝันที่ได้แสดงร่วมเฟรมเดียวกับจอนโดยอนบุคคลในต้นแบบของเธอ “นักแสดงแต่ละคนมีตารางการถ่ายทำที่แตกต่างกัน และฉันก็ไม่ได้มีโอกาสอยู่ในฉากเดียวกันกับจอนโดยอนหรืออีบยองฮุนเลย อยู่มาวันหนึ่งฉันไปที่กองถ่าย และผู้กำกับพัคฮึงซิคให้ฉันดูซีนบางซีนที่จอนโดยอนและอีบยองฮุนได้แสดงร่วมกันตั้งแต่เมื่อวันก่อน ฉันรู้สึกประทับใจจนน้ำตาไหลออกมาเองซึ่งจริงๆแล้วซีนนั้นก็ไม่ใช่ซีนที่ดึงอารมณ์มาก ในตอนนั้นเองฉันก็ได้ตระหนักแล้วว่าฉันกำลังอยู่ในภาพยนตร์เรื่องเดียวกันกับเหล่านักแสดงที่ยอดเยี่ยมมากทั้งสองคน ฉันยิ่งรู้สึกว่าต้องมีความรับผิดชอบให้มากขึ้นตั้งแต่ได้เห็นมาตรฐานการแสดงของพวกเขา และไม่ควรทำตัวเหมือนได้อะไรมาง่ายๆ บนชื่อเสียงของพวกเขา”

ภาพยนตร์ Memories of the Sword

“ผู้กำกับคะ ฉันอยากแสดงหนังรักโรแมนติกบ้างค่ะ”

คิมโกอึนที่อายุ 24 รู้สึกกระตือรือร้นที่จะดูภาพยนตร์รักโรแมนติก เธอรักหนังเศร้าอย่างเรื่อง The Notebook ปี 2004 และ Witty 500 days of Summer ปี 2009 สักวันหนึ่งเธออยากจะทำหนังโรแมนติกอย่าง Late Autumn ปี 2010 ของคิมแทยง ซึ่งทังเหวย และฮยอนบินได้สร้างผลงานคู่กันที่น่าประทับใจ “ฉันอยากจะดึงความรู้สึกในช่วงวัยของฉันเพื่อแสดงออกมาให้ดีที่สุด เช่น ความเจ็บปวดต่อความรัก และความวิตกกังวลต่ออนาคต ฉันคิดว่าสามารถทำได้ดีในตอนนี้ แต่ปัญหาคือฉันไม่เคยได้รับบทภาพยนตร์โรแมนติกเลย ผู้กำกับคะ ถ้าใครที่กำลังมีแพลนจะทำหนังรักโรแมนติก กรุณาติดต่อฉันด้วยค่ะ” คิมโกอึนกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม

แปลจากบทสัมภาษณ์พิเศษของคิมโกอึนจากภาพยนตร์ Monster และระหว่างถ่ายทำภาพยนตร์ Memories of the Sword (28 มกราคม ปี 2014)

จนถึงตอนนี้ปี 2020 เราก็ได้ชมผลงานรักโรแมนติกของคิมโกอึนกันบ้างหลายเรื่องแล้ว ทั้งภาพยนตร์ Tune in for Love หรือไม่ว่าจะเป็นซีรีส์อย่าง Cheese in the Trap, Goblin และเรื่องล่าสุด The King: Eternal Monarch ฝากติดตามผลงานของคิมโกอึนด้วยนะคะ

source koreanfilm.or.kr

**ไม่อนุญาตให้นำบทความที่แปลแล้วไปใช้ ก่อนได้รับอนุญาตค่ะ**
แปล/เรียบเรียง Kim Go Eun Thailand Fan Club

--

--

Kim Go Eun Thailand Fan Club
Kim Go Eun Thailand Fan Club

Written by Kim Go Eun Thailand Fan Club

บทความแปลไทยโดยทีมแอดมิน Kim Go Eun Thailand Fan Club รวมบทความ ข่าว ที่เกี่ยวข้องกับคิมโกอึน :: บทความแปลทั้งหมดไม่ให้นำไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต ::

No responses yet