‘ภาพยนตร์ A Muse’ ทางเลือกที่ไม่ง่ายสำหรับจุดเริ่มต้นของนักแสดงหญิงวัยยี่สิบของคิมโกอึน
แปลจากบทสัมภาษณ์พิเศษของคิมโกอึนจากภาพยนตร์ Monster และระหว่างถ่ายทำภาพยนตร์ Memories of the Sword (28 มกราคม ปี 2014)
“ฉันอยากให้คนจดจำฉันในฐานะนักแสดงที่ดีคนหนึ่ง”
ถ้าจะพูดถึงเรื่องอาชีพการแสดงของเธอ แน่นอนว่าชื่อของ คิมโกอึน ได้กลายเป็นความสำเร็จชั่วข้ามคืนในฐานะนักแสดงหญิงดาวรุ่งหน้าใหม่ คิมโกอึนได้รับรางวัลภาพยนตร์เกือบทั้งหมดในเกาหลีด้วยบทบาทของเธอใน “ภาพยนตร์ A Muse ปี 2012” กำกับภาพยนตร์โดยจองจีอู (ภาพยนตร์ Modern Boy ปี 2008, Happy End ปี 1999) สิ่งที่น่าแปลกใจคือการที่เธอไม่เคยมีประสบการณ์ในภาพยนตร์เรื่องใดมาก่อนเลย ก่อนที่จะมาแสดงใน “A Muse” แต่ประสิทธิภาพการแสดงของเธอในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ทำให้เธอกลายเป็นนักแสดงหญิงแนวหน้าของวงการภาพยนตร์เกาหลีในอนาคต
ยิ่งเป็นที่น่าสนใจเมื่อเราได้ย้อนกลับไปดูว่าเธอได้ทำผลงานอะไรเมื่อปีที่ผ่านมา เธอได้รับบทนำกับอีมินกิในผลงานกำกับเรื่องที่สองของผู้กำกับฮวางอินโฮในภาพยนตร์ Monster ต่อจากผลงานกำกับ Spellbound ปี 2011 อีกผลงานล่าสุดคือ Memories of the Sword เธอได้ร่วมแสดงกับดาราที่มีชื่อเสียงที่สุดในเกาหลีในขณะนั้น คือ อีบยองฮุน และจอนโดยอน ในภาพยนตร์ Memories of the Sword กำกับโดยพัคฮึงซิค (I Wish I Had a Wife ปี 2001, My Mother, the Mermaid ปี 2004)
“ฉันรู้สึกดีค่ะที่ได้ยินการพูดถึงการเติบโตขึ้นของชื่อเสียงของฉัน แต่เนื่องจากฉันไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในฐานะดาราทีวี จึงไม่ส่งผลกระทบต่อไลฟสไตล์ของฉันมากนัก ไม่ค่อยมีใครจำฉันได้เมื่ออยู่บนท้องถนนค่ะ อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงหลังจากภาพยนตร์ “A Muse” คือได้รับบทดีๆจากผู้กำกับและนักเขียนชื่อดัง มีโอกาสมากขึ้นในอาชีพการแสดง และรู้สึกขอบคุณมากๆ สำหรับสิ่งนี้”
แม้ว่าเธอจะรู้สึกขอบคุณที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ “A Muse” แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่ทางเลือกที่ง่ายเลยสำหรับนักแสดงหญิงวัยยี่สิบต้น คิมโกอึนได้ตัดสินใจมุ่งไปที่อาชีพการแสดงของเธอตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย เธอได้ถูกเสนอบทอึนกโย ภาพยนตร์ A Muse ผลงานใหม่ของจองจิอูตอนที่เธอกำลังเรียนการแสดงที่ Korea National University of Arts จองจิอูเป็นหนึ่งในผู้กำกับที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของเกาหลี ซึ่งกำลังเฟ้นหาคนที่จะมารับบทนำในภาพยนตร์ใหม่ของเขาที่สร้างจากนวนิยายของนักประพันธ์พัคบอมชิน
พัคแฮอิล (The Host ปี 2006, War of the Arrows ปี 2011) นักแสดงชายที่ได้รับเลือกให้มารับบทนำกับเธอ แทบจะไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธบทนี้ ยกเว้นแต่ว่าในภาพยนตร์เรื่องนี้มีฉากที่ต้องเปลือยกายทั้งหมด ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเสี่ยงเพราะ “A Muse” กำลังจะกลายเป็นผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอ อาจทำให้เกิดความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องของผู้ชม และอาจต้องทำให้เธอถูกตราว่า “เปลือยกายตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่องแรกที่เปิดตัว” ไปตลอดชีวิตการแสดงของเธอ
“ตอนได้รับบทมา ผู้กำกับจองจิอูบอกว่าควรใช้เวลาให้มากพอและตัดสินใจอย่างรอบคอบ เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่แย่ที่สุดในอาชีพของฉัน ฉันเริ่มไม่แน่ใจว่าควรจะแสดงในภาพยนตร์นี้ดีไหม แต่คุณพ่อก็ได้ให้คำแนะนำที่สำคัญ ฉันบอกกับครอบครัวเสมอว่าฉันไม่ต้องการเป็นนักแสดงที่สวยหรือนักแสดงที่เป็นที่นิยม แต่สิ่งที่ฉันต้องการคือการเป็นนักแสดงที่ดีคนหนึ่ง คนที่ไม่เปิดเผยชีวิตส่วนตัวแต่ก็ยังสามารถมองเห็นได้เสมอในภาพยนตร์ คุณพ่อต้องการให้ฉันเริ่มต้นทำงานในซีรีส์ทางทีวีหรือภาพยนตร์แนว coming-of-age แบบน่ารักๆด้วยบทที่สดใสมีเสน่ห์ คุณพ่อไม่ได้พูดถึงเรื่อง A Muse มากนักในตอนที่ฉันกำลังพิจารณาบทอยู่ เขาแค่บอกฉันว่า เมื่อตัดสินใจแล้วจะไม่สามารถย้อนกลับไปในที่ที่ครั้งหนึ่งเคยได้แสดง A Muse ได้อีก เป็นการยินยอมโดยปริยายของเขาที่จะให้แสดงในภาพยนตร์ และนั่นคือตอนที่ฉันรู้แล้วว่าฉันต้องท้าทายมันด้วย “การทำอย่างสุดชีวิต Do-or-die และฉันก็ตั้งใจที่จะทำอย่างนั้น”
“จอนโดยอน นักแสดงต้นแบบของคิมโกอึน และความเหมือนกันที่พิเศษ”
คิมโกอึน และจอนโดยอนมีความเกี่ยวข้องที่พิเศษ ย้อนกลับไปในปี 1999 จอนโดยอนได้รับบทในภาพยนตร์ Happy End ของผู้กำกับจองจิอู และมีผลงานที่โดดเด่น การแสดงโดยรวมของเธอในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการยกย่องจากนักวิจารณ์ และผู้ชมเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามยังมีอีกหลายข่าวอื้อฉาว ข่าวลือจากสื่อที่ตีสีใส่ไข่จากฉากทางเพศของเธอในภาพยนตร์ ผลที่ตามมาคือจอนโดยอนต้องทุกข์จากอาการ Nervous Breakdown เครียด และวิตกกังวลสะสม และเมื่อเธอได้เห็นการแสดงของคิมโกอึนใน A Muse จอนโดยอนได้นึกถึงตัวเองในภาพยนตร์ Happy End
“จอนโดยอนเป็นนักแสดงหญิงที่ดีเยี่ยมเต็มไปด้วยความหลงใหลในการแสดง และภาพยนตร์ เป็นแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ให้กับเหล่านักแสดงทั้งชายและหญิง ครั้งหนึ่งเธอเคยบอกฉันว่าเธอกังวลว่าตัวฉันอาจได้รับผลกระทบที่ไม่ดีหรือเจ็บปวดเพราะความสนใจที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากประชาชนและสื่อ แต่แล้วก็โล่งใจเมื่อเธอพบว่าฉันจัดการกับมันได้ค่อนข้างดี เธอยังบอกว่าเธอชอบฉันเพราะว่าฉันดูเป็นคนที่ดื้อรั้น ไม่ยอมใครง่ายๆค่ะ”
นอกจากนี้คิมโกอึนยังได้แสดงบทนำ “บ๊คซุน” ในภาพยนตร์แนวสยองขวัญที่กำลังจะออกฉายเรื่อง Monster ซึ่งก่อนหน้านี้บทนี้ได้ถูกเสนอไปที่จอนโดยอน แต่ปฏิเสธบทนี้ไปเนื่องด้วยปัญหาเรื่องตารางเวลาการถ่ายทำระหว่าง Monster และ Way Back Home ปี 2013 ผลงานภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเธอ ด้วยเนื้อเรื่องที่น่าสนใจมากๆ จอนโดยอนได้แต่สงสัยว่าใครจะได้เป็นเจ้าของบทบ๊คซุน และบทนี้ก็ตกไปอยู่ที่คิมโกอึน
“ฉันไม่เคยเห็นตัวละครที่มีเอกลักษณ์เช่นบ๊คซุนในภาพยนตร์เกาหลีมาก่อน Monster เป็นเรื่องราวของการแก้แค้นของบ๊คซุน เกี่ยวกับฆาตกรต่อเนื่องที่ไร้มนุษยธรรมซึ่งได้คร่าชีวิตน้องสาวคนเดียวของเธอไป บ๊คซุนมีความผิดปกติทางจิต เธอค่อนข้างพูดเยอะมากในลักษณะที่เกินความจริงราวกับว่าเธอเป็นตัวการ์ตูนในเรื่อง Slam Dunk ค่ะ มันสำคัญมากที่จะทำให้เสียงสอดคล้องกันในการแสดง และตัวบทสนทนา”
ตอนนี้คิมโกอึนอยู่ในช่วงกลางของการถ่ายทำภาพยนตร์ Memories of the Sword ในส่วนหนึ่งของภาพยนตร์นี้ทำให้รู้สึกเหมือนฝันที่ได้แสดงร่วมเฟรมเดียวกับจอนโดยอนบุคคลในต้นแบบของเธอ “นักแสดงแต่ละคนมีตารางการถ่ายทำที่แตกต่างกัน และฉันก็ไม่ได้มีโอกาสอยู่ในฉากเดียวกันกับจอนโดยอนหรืออีบยองฮุนเลย อยู่มาวันหนึ่งฉันไปที่กองถ่าย และผู้กำกับพัคฮึงซิคให้ฉันดูซีนบางซีนที่จอนโดยอนและอีบยองฮุนได้แสดงร่วมกันตั้งแต่เมื่อวันก่อน ฉันรู้สึกประทับใจจนน้ำตาไหลออกมาเองซึ่งจริงๆแล้วซีนนั้นก็ไม่ใช่ซีนที่ดึงอารมณ์มาก ในตอนนั้นเองฉันก็ได้ตระหนักแล้วว่าฉันกำลังอยู่ในภาพยนตร์เรื่องเดียวกันกับเหล่านักแสดงที่ยอดเยี่ยมมากทั้งสองคน ฉันยิ่งรู้สึกว่าต้องมีความรับผิดชอบให้มากขึ้นตั้งแต่ได้เห็นมาตรฐานการแสดงของพวกเขา และไม่ควรทำตัวเหมือนได้อะไรมาง่ายๆ บนชื่อเสียงของพวกเขา”
“ผู้กำกับคะ ฉันอยากแสดงหนังรักโรแมนติกบ้างค่ะ”
คิมโกอึนที่อายุ 24 รู้สึกกระตือรือร้นที่จะดูภาพยนตร์รักโรแมนติก เธอรักหนังเศร้าอย่างเรื่อง The Notebook ปี 2004 และ Witty 500 days of Summer ปี 2009 สักวันหนึ่งเธออยากจะทำหนังโรแมนติกอย่าง Late Autumn ปี 2010 ของคิมแทยง ซึ่งทังเหวย และฮยอนบินได้สร้างผลงานคู่กันที่น่าประทับใจ “ฉันอยากจะดึงความรู้สึกในช่วงวัยของฉันเพื่อแสดงออกมาให้ดีที่สุด เช่น ความเจ็บปวดต่อความรัก และความวิตกกังวลต่ออนาคต ฉันคิดว่าสามารถทำได้ดีในตอนนี้ แต่ปัญหาคือฉันไม่เคยได้รับบทภาพยนตร์โรแมนติกเลย ผู้กำกับคะ ถ้าใครที่กำลังมีแพลนจะทำหนังรักโรแมนติก กรุณาติดต่อฉันด้วยค่ะ” คิมโกอึนกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม
แปลจากบทสัมภาษณ์พิเศษของคิมโกอึนจากภาพยนตร์ Monster และระหว่างถ่ายทำภาพยนตร์ Memories of the Sword (28 มกราคม ปี 2014)
จนถึงตอนนี้ปี 2020 เราก็ได้ชมผลงานรักโรแมนติกของคิมโกอึนกันบ้างหลายเรื่องแล้ว ทั้งภาพยนตร์ Tune in for Love หรือไม่ว่าจะเป็นซีรีส์อย่าง Cheese in the Trap, Goblin และเรื่องล่าสุด The King: Eternal Monarch ฝากติดตามผลงานของคิมโกอึนด้วยนะคะ
source koreanfilm.or.kr
**ไม่อนุญาตให้นำบทความที่แปลแล้วไปใช้ ก่อนได้รับอนุญาตค่ะ**
แปล/เรียบเรียง Kim Go Eun Thailand Fan Club