คิมโกอึน กลับมาพร้อมกับ แจฮี หญิงสาวที่ใช้ชีวิตอย่างอิสระ ใน LOVE IN THE BIG CITY ภาพยนตร์อันล้ำค่าที่บอกว่าทุกคนควรเคารพความแตกต่าง
“การลองผิดลองถูกและความขัดแย้งในช่วงวัย 20 ปี บางครั้งก็รู้สึกไม่ยุติธรรม… ”
บทสัมภาษณ์คิมโกอึน จากนักข่าวพัคจินยอง สำนักข่าว Joy News 24
คิมโกอึน นักแสดงเจ้าของความสำเร็จกับตั๋ว 10 ล้านใบจาก Exhuma โชว์เสน่ห์สุดน่ารักของเธออย่างเต็มที่ใน LOVE IN THE BIG CITY ถ้าไม่ใช่คิมโกอึน แล้วใครล่ะที่สามารถเล่นบทนี้ได้ เป็นเรื่องธรรมดาที่จะคิดแบบนั้น คิมโกอึนคือ ‘นักแสดงที่เชื่อมือได้เสมอ’ เข้ากับบทและตัวละครได้อย่างลงตัว และนี่คือภาพยนตร์อันล้ำค่าที่ชื่อว่า LOVE IN THE BIG CITY ซึ่งบอกว่าเราควรเคารพความแตกต่างซึ่งกันและกัน
ภาพยนตร์เรื่อง LOVE IN THE BIG CITY (กำกับโดยอีออนฮี) ที่เพิ่งออกฉายไปไม่นานนี้ (เข้าไทย 23 ตุลาคม) เป็นภาพยนตร์ที่บอกเล่าความรัก มิตรภาพระหว่าง แจฮี (รับบทโดยคิมโกอึน) หญิงสาวที่รักอิสระเป็นตัวของตัวเอง และฮึงซู (รับบทโดยโนซังฮยอน) ผู้คุ้นเคยกับการรักษาระยะห่างจากโลกภายนอก แต่ทั้งคู่กลับใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน
ภาพยนตร์อิงจากนวนิยายในชื่อเดียวกันตอนของ “แจฮี” ผลงานของพัคซังยอง เรื่อง LOVE IN THE BIG CITY ได้รับรางวัล Booker Prize ซึ่งเป็นหนึ่งในสามรางวัลวรรณกรรมสำคัญของโลก และยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล International Dublin Literary Award ภาพยนตร์ได้รับเชิญอย่างเป็นทางการให้ไปร่วมนำเสนอผลงานรอบพิเศษในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตรอนโต ครั้งที่ 49 และได้รับความสนใจอย่างล้นหลามและบทวิจารณ์ในเชิงบวกจากต่างประเทศ
คิมโกอึน ซึ่งโด่งดังจากผลงานการแสดงที่มีผู้ชมกว่า 10 ล้านคนจากเรื่อง Exhuma รับบทเป็นแจฮี ตัวละครที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์พิเศษ แสดงออกอย่างตรงไปตรงมาทั้งในชีวิตและความรัก โนซังฮยอน รับบทเป็นฮึงซู ผู้ซึ่งมองว่าความรักคือความไร้ค่าทางอารมณ์ พยายามรักษาระยะห่างจากโลกภายนอก คิมโกอึนและโนซังฮยอนทำให้การแสดงนี้พิเศษมากขึ้นในแบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนใน LOVE IN THE BIG CITY ซึ่งเป็นผลงานที่นำเสนอทั้งความสนุกสนานและดราม่าไปพร้อม ๆ กัน โดยมีบทพูดที่ทำให้เราอยากขบคิดตาม เรื่องราวที่ปลอบประโลมเยาวชนในยุคสมัยนี้ และการแสดงที่ยอดเยี่ยมของนักแสดง กำลังได้รับความนิยมสูงสุด พร้อมกับคำวิจารณ์เชิงบวกจากผู้เข้าชมจริง และทำให้ผู้ชมต้องรับชมซ้ำ
[บทสัมภาษณ์]
- ฉันได้ยินมาว่าคุณรอมานานมากเพื่อจะร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ คุณชอบอะไร และเหตุผลอะไรที่ทำให้คุณรอได้?
“ตอนที่เห็นบทครั้งแรก ฉันอ่านจบเร็วมากค่ะ และคิดว่านี่เป็นผลงานที่ถ่ายทอดกระบวนการเติบโต ความเจ็บปวดจากการเติบโต และการลองผิดลองถูกของตัวละครทั้งสองตลอดระยะเวลา 13 ปี ไม่มีผลงานแบบนี้มากนัก นี่คือผลงานที่มีค่ามาก และฉันหมายมั่นเลยว่าต้องสร้างสิ่งนี้ขึ้นมาเป็นภาพยนตร์ให้ได้”
- คุณได้รับเชิญให้ไปงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตรอนโตเป็นครั้งแรก คุณคิดว่าทำไมคุณถึงได้รับเชิญ ความรู้สึกเป็นอย่างไรบ้างคะกับกระแสตอบรับของคนในพื้นที่
“ฉันคิดว่าฉันได้รับเชิญเพราะเนื้อเรื่องและข้อความในภาพยนตร์ที่ส่งถึงผู้ชมนั้นดีมาก ตอนที่ฉายครั้งแรก ฉันได้ชมกับผู้ชม 1,200 คน พวกเขาทั้งดูตื่นเต้น กอด และปรบมือให้ เหมือนกับว่ากำลังชมคอนเสิร์ตอยู่ นับเป็นประสบการณ์ใหม่เลยทีเดียวค่ะ”
- ก่อนชมภาพยนตร์เรื่องนี้ คงมีคนคาดหวังไว้บ้างว่าชายหญิงคู่นี้จะต้องตกหลุมรักกันแน่ๆ เลยทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าจะดูมีอะไรใหม่ ๆ แล้วในฐานะนักแสดง คุณว่าเสน่ห์ในเรื่องนี้เป็นแบบไหนกันคะ?
“เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของผู้คน บางคนอาจรู้สึกไม่สบายใจกับเนื้อหาที่พูดถึง แต่มีคนมากมายหลากหลายประเภทในโลกนี้ที่ใช้ชีวิตและมีอัตลักษณ์ต่างกัน นี่คือสิ่งที่ภาพยนตร์กำลังพูดถึง คิดว่าเป็นภาพยนตร์ที่บอกว่าเราต้องเคารพความแตกต่าง เราทุกคนล้วนแตกต่าง เราไม่ได้เหมือนกันหมด ดังนั้นแต่ละคนจึงมีความแตกต่างในแบบของตัวเอง อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างเหล่านั้นไม่ได้รับการเคารพเสมอไป ในช่วงเวลาเช่นนี้ ต้องมาคิดว่าจะแสดงออกถึงความแตกต่างนี้ให้เหมาะสมได้อย่างไร และฉันคิดว่านี่คือภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดกระบวนการเติบโตเพื่อแสดงออกถึงตัวเองได้อย่างถูกต้อง ซึ่งสะท้อนชีวิตของเราได้ดีจริง ๆ ค่ะ”
- ต่างจากฮึงซู แทบจะไม่มีเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวของแจฮีเลย เคยคิดถึงเรื่องราวของแจฮีไหม?
“ถึงจะไม่ได้ชัดเจนออกมาในบท แต่ก็มีฉากที่แสดงถึงเธอว่าเป็นคนไม่เคยกลัวอะไร (*สปอย) หรืออย่างในฉากที่วาดกล่องนม ฉันคิดว่าบาดแผลอันเจ็บปวดของแจฮีและช่วงเวลาเหล่านั้นไม่ได้ถูกแสดงออกมาเพียงพอ นอกจากนี้ ในบทสนทนายังกล่าวว่าแม่และพ่อไม่สนใจเธอ ฉันคิดว่านั่นคือความสัมพันธ์ระหว่างแจฮีกับพ่อแม่ แสดงให้เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นเด็กที่ไม่ได้รับความรักมากนักจากพ่อแม่ และไม่ได้รับการปลอบโยนใดๆ เมื่อต้องเผชิญอยู่ในความเจ็บปวด”
- ย้อนกลับไป 13 ปีช่วงสมัยเรียนมหาวิทยาลัยมีอะไรที่คล้ายๆกับแจฮีไหมคะ
“ยุคที่ iPhone ออกมาฉันอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 พอดีเลยค่ะ ตื่นเต้นมากตอนที่มันออกมาใหม่ๆ ‘นี่มันแบบเป็นไปไม่ได้’ พอได้เอามือถือที่ทำเหมือนเป็นแขกรับเชิญมาอยู่ในมืออีกครั้ง มันให้ความรู้สึกแปลกใหม่และดีมาก จุดที่ฉันรู้สึกคล้ายกับแจฮีในมหาวิทยาลัยคือความยากลำบากและประสบการณ์ต่างๆ ที่พบเจอในช่วงวัย 20 ต้น แต่ก็คงไม่ใช่ฉันคนเดียวที่โดนแบบนั้น และไม่คิดว่าตัวเองจะรับมือได้ดีเท่ากับแจฮี”
- ในชีวิตจริงถ้าคุณมีเพื่อนแบบแจฮีจะเป็นยังไงนะ?
“ฉันคิดว่าเธอเป็นเพื่อนที่น่าสนใจดี ฉันจะไม่พูดถึงจุดที่ไม่ดีเกี่ยวกับแจฮีนะ เธอเป็นคนตลกและมีเอกลักษณ์เฉพาะนะคะ แต่ก็คงไม่กล้าเข้าหาเพื่อสนิทกับเธอ ฉันไม่รู้ว่าแจฮีจะเข้าหาฉันก่อนหรือเปล่า แต่แจฮีคงไม่ได้สนใจหรอก”
- นักแสดงคิมโกอึนก็เคยใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมาเป็นเวลานาน รู้สึกเหงาบ้างหรือเปล่าในระหว่างที่ปรับตัวตอนที่กลับมาเกาหลี ฉันอยากรู้ว่าคุณมีประสบการณ์หรือความรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับความแตกต่างที่ฉันกล่าวถึงก่อนหน้านี้
“ฉันคิดว่าฉันไม่ได้มีทัศนคติแบบคนเกาหลีโดยสมบูรณ์ เพราะฉันอาศัยอยู่ที่ประเทศจีนตั้งแต่สมัยเด็กจนถึงวัยรุ่น นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมบางครั้งฉันถึงมีความคิดไม่เหมือนใคร ฉันคิดว่า “ทำไมผู้คนถึงอยากให้ทุกอย่างเหมือนกันหมด” ทำไมผู้คนถึงคิดว่าการคิดต่างออกไปนิดหน่อยก็ถือว่าผิดมาก แถมพวกเขายังให้ความรู้สึกว่าคุณเป็นคนแปลก ฉันสงสัยว่ามันต้องเป็นแบบนั้นจริงๆ เหรอ และฉันในวัย 20 ปีก็รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเลย คนเราก็อาจคิดต่างกันได้ ทำไมพวกเขาถึงทำให้มันเหมือนกันตามมาตรฐานขนาดนี้? ในวัย 20 ปีของฉัน เมื่อได้ผ่านการลองผิดลองถูกและขัดแย้งกับตัวเอง ค่อยๆ เริ่มเข้าสังคมมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันก็ได้รู้ว่าการเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้เกี่ยวกับการมีทัศนคติ “เราถูกต้อง” อย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของวิธีแสดงความแตกต่างของตัวเองให้ถูกต้อง แจฮีก็มีช่วงเวลาที่เธอพยายามยอมรับอยู่กับความเป็นจริง ฉันคิดว่านั่นคือการลองผิดลองถูก ยอมสละทุกสิ่งที่มีและละทิ้งความคิดของตัวเองเพื่อพยายามยอมรับกับความเป็นจริงอย่างสมบูรณ์ จากนั้นฉันก็ค่อยๆ เริ่มหาวิธีและแนวทางในการใช้ชีวิตที่ดีในขณะที่แสดงออกถึงตัวตนของตัวเองไปด้วย”
- คุณเคยมีช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างแจฮีไหม?
“ฉันมั่นใจว่าตัวเองเคยเจอเรื่องแย่ๆ มาเยอะ ความที่ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้นแต่ส่วนใหญ่ทำไปเพราะความไม่รู้ บางครั้งก็ไม่ยอมรับเพราะไม่รู้และก็เลยมองข้ามไป นั่นเป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็เคยประสบมา และฉันก็เคยเจอช่วงเวลาแบบนั้นเหมือนกัน ไม่อยากยกตัวอย่างเพราะสิ่งเหล่านั้นมันเป็นแผลในใจฉันค่ะ”
- แล้วคุณคิดว่าตอนนี้คุณแสดงออกถึงความแตกต่างได้ถูกต้องหรือไม่ คุณคิดว่าตอนนี้คุณอยู่ในขั้นตอนไหนของการเป็นผู้ใหญ่แล้ว?
“ฉันรู้สึกว่าฉันยังต้องก้าวไปอีกไกลกว่าที่จะได้เป็นผู้ใหญ่”
- ผู้ใหญ่ที่นึกถึงตอนนี้มีใครบ้างคะ?
“มีผู้ใหญ่ที่ดีหลายคน ตอนนี้คนที่นึกถึงก็คือผู้กำกับอีจุนอิก ผู้กำกับยูนเจคยูน พวกเขาคือผู้ใหญ่ที่รับฟังปรับเปลี่ยนได้ ในความเป็นจริงเราไม่ค่อยตัดสินว่าใครถูกหรือผิด แต่ละคนมีความคิดของตัวเอง ผู้กำกับจะเคารพในความคิดของอีกฝ่าย และพูดด้วยความระมัดระวังมาก โดยเฉพาะเวลาแสดงความคิดเห็นยิ่งระมัดระวัง”
แปลจาก Joy News
***ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาที่แปลแล้วออกไปใช้ (รวมถึงไปใช้ในเชิงพาณิชย์ทุกรูปแบบค่ะ)***